หมอแวอภิปรายรัฐจัดงบ 54 ไม่เอื้อแก้ปัญหาภาคใต้เหตุให้ความสำคัญกับการศึกษาน้อยเกินไป ปล่อยให้นักเรียนเผชิญตามยถากรรม
บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปีพ.ศ.2554 จำนวน 2.07 ล้านล้านบาท ในช่วงเย็นเป็นการอภิปรายของฝ่ายค้านยังคงให้น้ำหนักกับการอภิปรายเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมมากกว่าที่จะให้ความสำคัญเนื้อหาในร่างพ.ร.บ.งบประมาณ
นพ.แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้อภิปรายโดยเน้นเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณสำหรับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ว่า การจะให้งบประมาณสำหรับการแก้ไขปัญหารัฐบาลจะต้องทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่จับต้องได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีหลังจากรัฐบาลได้เทรัพยากรอย่างมหาศาลลงไป
นพ.แวมาฮาดี กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญ คือ รัฐบาลต้องมีการจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษาให้มาก เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบตอนนี้ คือ เยาวชน หากรัฐบาลมีการจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพก็จะแก้ปัญหาได้ ก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเคยบอกว่า หัวใจของการแก้ปัญหามีอยู่ว่าจะทำอย่างไรจะเชื่อมโยงการศึกษาให้ตอบสนองอัตลักษณ์ของพื้นที่อย่างแท้จริง ให้รู้จักคำสอนของศาสนาและให้มีทักษะในการไปประกอบอาชีพได้ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าถ้าทำได้ตรงนี้จะเป็นการดึงประชาชนของเรากลับมา รัฐบาลจะต้องเอาพื้นที่ที่ดีไล่พื้นที่ที่เสีย ถ้าไม่มีพื้นที่ที่ดีประชาชนจะติดกับพื้นที่เสียและสร้างปัญหาให้สังคมต่อไป ขอให้นายกฯเข้าใจว่าการศึกษามีความจำเป็น นายกฯยังพูดอีกว่าการจัดงบประมาณไม่สามารถตอบสนองของพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่าที่ควร
“โครงการเรียนฟรี 15 ปีของรัฐบาลไม่ได้เอื้อต่อการศึกษาในด้านศาสนาของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการศึกษาขั้นพื้นฐานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างกับพื้นที่อื่น โดยความต้องการด้านศึกษาของพื้นที่ในสามจังหวัดภาคใต้นั้นต้องตอบสนอง ใน 4ด้าน ได้แก่ 1.ทำให้อ่านออกเขียนได้ ภาษามาลายู ไทย อังกฤษ 2.สามารถอ่านคัมภีรอัล-กุรอานอัลกุระในภาษอาหรับได้ 3.ให้รู้เรื่องวิชาสามัญ 4.ความดีความชั่วเด็กจะต้องสามารถทำการละหมาดครบ 5 ครั้งต่อวัน” นพ.แวมาฮาดี กล่าว
นพ.แวมาฮาดี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเท่าที่ดูตอนนี้รัฐบาลไม่ได้จัดการด้านการศึกษาเรื่องศาสนาภาษามาลายู และอาหรับในชั้นประถม ทำให้ชุมชนต้องไปจัดเอาเองเหมือนกับโรงเรียนพุทธศาสนาในวันอาทิตย์ ซึ่งรัฐบาลน่าจะรวมด้านนี้เอาไปอยู่ในโครงการเรียนฟรี 15 ปี นอกจากนี้เรื่องการจัดหาสถานศึกษายังเป็นปัญหาเพราะมีโรงเรียนเรียนใต้ต้นไม้อยู่ แบบนี้ไม่ต้องพูดเรื่องการจัดสรรสื่อการสอนว่าจะให้มีคุณภาพได้อย่าง และยังไม่เห็นงบประมาณการสนับสนุนทางศึกษาร่วมกับทางมาเลเซีย เนื่องจากมาเลเซียประสบความสำเร็จมากในเรื่องการศึกษาโดยเฉพาะคุณภาพการศึกษาด้านภาษาทั้งจีน อังกฤษ มาลายู
ด้าน พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายเกี่ยวกับงยประมาณของกระทรวงกลาโหมว่า การจัดสรรงบประมาณที่สูงขึ้นกว่า 10% เป็นเรื่องที่แปลกมากของประเทศที่มีปัญหาเรื่องการเงินซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง นอกจากนี้การใช้งบของกองทัพที่ผ่านมาก็ไม่มีการตรวจสอบ ทั้งเรือเหาะ 350 ล้านบาท ซึ่งใช้วิธีพิเศษในการชจัดซื้อ หรือ รถหุ้มเกราะจากประเทศยูเครน ซึ่งควรจะได้รับรถตั้งแต่ปี 2552 จำนวน 54 คัน งบประมาณทั้งหมด 4 พันล้านบาท แต่จ่ายไปแล้ว 350 ล้านบาท วันนี้ยังไม่มีมาสักคัน รวมถึงการสั่งซื้อเครื่องบินกริพเฟนที่จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกองทัพใหม่ทั้งหมด ในการจัดซื้ออุปกรณ์เสริมซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากงที่เครื่องบินเอ็ฟ16 ยังใช้การได้ดี ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะมีการรับเงินใต้โต๊ะมโหฬารหรือไม่
“อยากถามนายกฯ ว่าปล่อยให้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เป็นเพราะทหารกลุ่มหนึ่งขีดเส้นให้นักการเมืองเดินตาม ซึ่งสส.ในต้องทำให้ถูกต้อง ไม่ใช่จะหวังอยู่แต่ในเก้าอี้เท่านั้น วันนี้กองทัพต้องเป็นหลักไม่ใช่มาสุ่มยิงประชาชนเพราะในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมามีข่าวว่ากองทัพอากาศมีการเบิกกระสุนปืนไรเฟิล จำนวน 500 นัด และ กระสุนเอ็ม 16 นัด ซึ่งควรจะนำไปดำเนินการกับผู้ก่อการร้ายภาคใต้ อีกทั้ง นายกฯ ควรจะมีความเด็ดขาดในการดูแลงบประมาณของพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยยื่นเรื่องให้สอบการซื้อปืน เอเค 102 ของกระทรวงมหาดไทย ราคากระบอกละ 8.5 หมื่นบาท แต่นายกฯกลับเพิกเฉยและโยนเรื่องกลับไปให้กระทรวงมหาดไทย” พ.ต.ท.สมชาย กล่าว
พ.ต.ท.สมชาย ยังกล่าวถึงกรณี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกที่ถูกสไนปอร์ซุ่มยิงศรีษะจนเสียชีวิต ซึ่งถือเป็นนายทหารที่สร้างคุณความดีบ้านเมือง และ ได้รับไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ แต่ญาติพี่น้องไปขอเบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทัพ กลับถูกปฏิเสธไม่ให้ค่ารักษาพยาบาล โดยให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอยู่ แสดงให้เห็นถึงความอำมหิต โหดร้าย ไม่ใช่คนไทยด้วย จึงขอให้นายกฯ ลงไปดูด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น